นานาสาระ

ภาษาเกาหลี

ความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู 

ความงามของทิวทัศน์และมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ทำให้เกาหลีมีสิ่งต่างๆ ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมาย เนื่องจากประเทศเป็นคาบสมุทรและมีฤดูที่แตกต่างกัน 4 ฤดู การไปในฤดูกาลที่ต่างกัน ก็จะได้สัมผัสความประทับใจในแบบที่ไม่ซ้ำกันเลย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://web.kma.go.kr/eng/ (ให้ข้อมูลละเอียดมาก)

ขอบคุณ  กรมอุตุนิยมเกาหลี

spring1

ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม)

ช่วงอากาศสบาย เป็นเวลาที่ให้ความสุขแก่ผู้มาเยือนเกาหลี เพราะเป็นฤดูแห่งสีสัน ตามขุนเขาจะเต็มไปด้วยดอกไม้ และใบสีเขียวอ่อน  หลายๆ แห่งจะมีการฉลองเทศกาลดอกไม้บาน เทศกาลสตอร์เบอร์รี่ เทศกาลวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ เทศกาลโคมไป เทศกาลชมโพกด อีกทั้งคนเกาหลีมักเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ กับฤดูใบไม้ผลิ โดยแต่ตั้งต้นเดือนถึงปลายเดือนของเมษายนทุกปีดอกโพกด (ซากุระ) จะเริ่มแข่งขันการบานจากภาคใต้สู่ภาคเหนือของประเทศ

summer

ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม)

ช่วงอาการสบาย ไม่ร้อนจนเกินไป ใบไม้เขียวชอุ่ม เหมาะแก่การเที่ยวป่า ชมความงามตามธรรมชาติ ช้อปปิ้งสินค้าราคาถูก โดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประทับ เครื่องสำอาง ถูกใจสาวไทยแน่นอ ถือเป็นช่วงแกรนด์เซล์ของเกาหลีและมีฝนตกในบางวัน

autumn

ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน)

ช่วงอากาศสบายที่สุด เป็นเวลาที่ให้ความสุขแก่ผู้มาเยือนเกาหลี ตามขุนเขาจะเต็มไปด้วยใบไม้สีแดงเพลิงและสีทอง ดูระยิบระยับเมื่อต้องแสงแดดและจะค่อย ๆ เริ่มสลัดใบ อำลาลำต้นเพื่อต้อนรับฤดูหนาวอันยาวนาน และการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าให้แก่ร่างกายเพื่อความบำรุงผิวพรรณและความสดชื่นจากการอาบน้ำแร่

winter

ช่วงเหมันต์ (ธันวาคม-กุมภาพันธ์)  

เป็นฤดูที่นำความหนาวเย็นมาสู่คาบสมุทรเกาหลี  ระหว่างเดือนธันวาคมถึงกลางมีนาคม หิมะขาวโพลนปกคลุมไปด้วยขุนเขาดังสวนดอกไม้สีขาว แต่มิได้สร้างความย่อท้อต่อนักท่องเที่ยวผู้ใฝ่หาประสบการณ์ใหม่ๆ ลานสกีจะเต็มไปด้วยผู้คน  ใบหน้าที่แจ่มใสและเสียงแห่งความสนุกสนานของเหล่านักเล่นสกีที่สะท้อนก้องไปทั่วหุบเขา และการผ่อนคลายความเหนื่อยล้าและเพื่อร่างกายที่อบอุ่นและสดชื่นด้วยการอาบน้ำแร่ในหน้าหนาว อีกทั้งมีเทศกาลน้ำแข็งที่สำคัญแหลายแห่งในเกาหลีเกิดขึ้น งานที่ใหญ่สุดคือ เทศกาลตกปลาน้ำแข็งที่เมืองฮวาชอง โดยแม่น้ำทั้งสายที่กลายร่างเป็นน้ำแข็งและภายใต้ผืนน้ำแข็งคือที่อยู่ของปลาเทร้าภูเขา

 อัตราแลกเปลี่ยน 

สิ่งสำคัญที่เราห้ามพลาดในการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศเกาหลี นั้นก็คือการแลกเงิน โดยสกุลเงินของประเทศเกาหลีเราเรียกเป็นสกุลเงินวอน

won

ธนบัตรของเกาหลีใต้จะมี 4 ชนิด
1. แบงค์ 50000 วอน
2. แบงค์ 10,000 วอน
3. แบงค์ 5,000 วอน
4. แบงค์ 1,000 วอน

เหรียญของเกาหลีใต้จะมี 6 ชนิด
1. เหรียญจำนวน 1 วอน
2. เหรียญจำนวน 5 วอน
3. เหรียญจำนวน 10 วอน
4. เหรียญจำนวน 50 วอน
5. เหรียญจำนวน 100 วอน
6. เหรียญจำนวน 500 วอน

โดยการแลกเงินไทยเป็นเกาหลีนั้นสามารถแลกได้ตามธนาคารทั่วไป ส่วนราคาขึ้นลงก็ตามเรตได้เลยและก็สามารถที่จะแลกที่สนามบินได้ แต่ก็สามารถที่จะแลกเป็น USD ก่อนแล้วไปแลกที่สนามบินอินชอนก็ได้แต่อาจจะต้องเสียสองต่อขอแนะนำว่าให้แลกเงินที่ไทยจะได้สะดวกแต่ถ้าเกิดเงินไม่พอก็สามารถรูตบัตรได้โดยบัตรเครดิตจะคิดจากเรทวันที่ตัดยอด
และก็วิธีคำนวนเงินวอนอย่างง่าย ๆ เลยคือให้ตัด 0 สองตัวหลังออกแล้วคูณด้วย 3 ก็จะได้เท่ากับเงินไทย เช่น 1000 = 1000 X 0.0339 = 33.9 บาท

อัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน (01 กรกฎาคม 2015) จะอยู่ที่
1 วอน = 0.030 บาท
100 วอน = 3.00 บาท
1000 วอน = 30บาท
10000 วอน = 300 บาท

ดูรายละเอียดอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซด์ด้านล่างค่ะ 

http://www.xe.com/currencyconverter/convert/?Amount=100&From=USD&To=KRW

ทำไมคนไทยต้องไปเกาหลี 

ประเทศเกาหลีใต้…เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ความหลากหลายของวัฒนธรรมสมัยใหม่ ท่ามกลางเทคโนโลยีอันทันสมัย แต่ยังคงรักษาความเข็มแข็งของวัฒนธรรมอันเก่าแก่ได้อย่างอย่างดี

>  ชื่นชมเสน่ห์แห่งธรรมชาติทั้ง 4 ฤดู ที่รังสรรค์ออกมาได้อย่างน่าหลงใหล อีกทั้งเมืองแห่งการสร้างสรรค์ – กรุงโซล The City of Design

>  ลิ้มลองอาหารเลิศรสอันเลื่องชื่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อุดมไปด้วยสารอาหารจากธรรมชาตินานาชนิด แคลอรี่ต่ำและดีต่อสุขภาพ
>  สวรรค์ของนักช็อปที่เต็มไปด้วยสินค้าคุณภาพต่างๆ มากมาย ให้ทุกท่านได้อินเทรนและเพลิดเพลินกับแฟชั่นละลานตาทุกวัน

คณะกลุ่มทัวร์ Incentive ต้องไปเกาหลี กับ Smile to Korea  ศูนย์รวมทัวร์เกาหลี เน้นพาเที่ยวเกาหลี แบบสบายๆ จ่ายน้อยกว่า กับทุกสายการบิน  สำหรับทุกทริปการเดินทาง เพื่อการพักผ่อน เพื่อรางวัลแห่งความสำเร็จ เพื่อศึกษาดูงาน เพื่อธุรกิจ เพื่อการสัมมนา เพื่อเข้าคอร์สอบรม เพื่อความสวยความงาม โดยเน้นจัดราคาโอ พาเที่ยวเกาหลีแบบโปร่งใส เน้นไกด์เก่ง พาท่านสนุกกับอาหารแปลกใหม่

ท่องเที่ยวเกาหลีกับบริษัททัวร์มีข้อดีมากมายว่าที่คุณคิด

ดี…เพราะคุณสบายตัวสบายใจ  ผู้ชำนาญออกแบบรายการเที่ยว จัดเตรียม แนะนำและตอบข้อสงสัย

ดี…เพราะตลอดการเดินทางคุณจะอุ่นใจว่ามีเจ้าบ้านคอยดูแลคุณ ให้ได้รับความรู้ ความสุข ความประทับใจ

ดี…เพราะคุณสามารถวางแผนการเงิน และถูกกว่าไปเอง (จะได้เตรียมเงินติดตัวไปใช้สิ่งอื่นเพื่อความอุ่นใจ)

เราขอเป็นทางเลือกสำหรับท่านอยากตามหาผู้ชำนาญเส้นทางเกาหลี เราคือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะเราคือบริษัทที่ทำทัวร์เกาหลีโดยตรง มีประสบการณ์มากกว่า 19 ปีเราดูแลทุกท่านด้วยมาตรฐานสูงสุด ท่านสามารถพิสูจน์จากผลงานโล่ห์และเกียรติประวัติรับรองจากสายการบินและองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว

ก่อนสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวเกาหลี เราขอแนะนำให้ท่านเช็คความพร้อมก่อน เพราะทุกท่านได้หายจากความเหนื่อยในการเตรียมต่างๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสุข สนุก สบาย เมื่อเดินทางถึงประเทศเกาหลี

  1. ไปเที่ยวที่ไหนดี คำถามนี้คงเป็นปัญหาแรกที่ทุกคนต้องหาคำตอบ อันนี้ขึ้นอยู่กับความสนใจของตัวท่านเองและคนที่จะไปด้วยกัน ลองนัดเจอคุยกัน มานั่งเขียนหัวข้อหรือกิจกรรมอยากทำร่วมกัน เช่น  อยากไปเที่ยวเกาะนามิ อยากไปแต่งชุดฮันบก อยากไปเอเวอร์แลนด์ อยากไปกินขาปูยักษ์ อยากลองกินของแปลกแปลกที่เกาหลี อยากไปสถานที่ถ่ายละครเกาหลี อยากไปช้อปปิ้ง อยากไปวัดเพื่อขอลูก อยากไปล่องเรือ อยากไปเกาะเจจู อยากอยู่โซลเยอะเยอะ ไม่อยากเดินทางไกล เป็นต้น แนะนำให้ลองดูรายการทัวร์ในหมวดโปรแกรมทัวร์เป็นแนวทางในการเลือกที่เที่ยว
  2. ช่วงเวลาการเดินทาง  ความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ความงามของทิวทัศน์และมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ทำให้เกาหลีมีสิ่งต่างๆ ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมาย เนื่องจากประเทศเป็นคาบสมุทรและมีฤดูที่แตกต่างกัน 4 ฤดู การไปในฤดูกาลที่ต่างกัน ก็จะได้สัมผัสความประทับใจในแบบที่ไม่ซ้ำกันเลย
  1. เรื่องตั๋วเครื่องบิน ณ ขณะนี้มีสายการบินบินตรงกว่า 9 สายการบินที่มีให้บริการเที่ยวบินจากประเทศไทยสู่ประเทศเกาหลีอีกทั้งยังมีอีกหลายสายการบินที่บินแบบแวะเปลี่ยนเครื่องตามสนามบินต่างๆ ท่านสามารถขอคำแนะนำและข้อเสนอดีๆ จากบริษัทตั๋วที่ท่านใช้อยู่ เพราะ ถ้าไปหลายหลายคน ท่านอาจจะได้ราคาพิเศษ (ถูกกว่าจองเอง) หรือ เข้าไปดูราคาตั๋วตามเว็บไซด์ของสายการบินต่างๆ หรือดูราคาประมาณการจากหน้าเว็บของ www.journeykorea.com ท่านเลือกจองช่องทางที่ท่านได้ตามความสะดวก สำหรับท่านที่มีพาสปรอตไทย ใช้หนังสือเดินทางที่มีอายุที่ใช้งานได้มากกว่า 6 เดือน  สามารถเข้าเกาหลีในรูปแบบนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 90 วัน (การทำหนังสือเดินทาง เช็คที่  www.consular.go.th) หากท่านไปเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนต่างชาติ (เรื่องวีซ่า เช็คที่ www.tha.mofa.go.kr เพราะ ท่านควรทำวีซ่าเข้าเกาหลีก่อนซื้อตั๋วเครื่องบิน)

หากท่านต้องซื้อบัตรโดยสารภายในประเทศเพื่อไปและกลับกรุงเทพฯ  กรุณาเลือกซื้อบัตรโดยสารภายในประเทศประเภทที่สามารถเลื่อนวันและเวลาในการเดินทางได้      ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาเที่ยวบินล่าช้าหรือการเปลี่ยนแปลงเวลาของเที่ยวบินหรือการเปลี่ยนแปลงวันเดินทาง

  1. เรื่องอื่นๆ อีกจิปาถะ  (ส่งทุกข้อความคำถาม ที่คุณสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องเที่ยวเกาหลี ตั๋วเกาหลี วีซ่าเกาหลี ที่พักเกาหลี อาหารเกาหลี ช้อปปิ้งเกาหลี ดูงานที่เกาหลี เป็นต้น มาที่ E. info@journeykorea.com)

เงินตราสกุลเงิน “วอน” สกุลเงินวอน ต่อ เงินดอลล่าร์  =  USD 1 = WON 1020  หรือ 33-34 บาท. ต่อ 1000 วอน บัตรเครดิตคาร์ดสามารถนำไปใช้กับร้านค้าปลอดภาษีหรือร้านค้าหรือห้าง ยกเว้น ตลาดพื้นเมือง หรือ ย่านช้อปปิ้งพื้นเมือง

อาหาร  เกาหลีโดยทั่วไป มักจะเป็นอาหารทานเพื่อโภชนาการและสุขภาพ จะไม่ออกรสจัด อาหารเกาหลี เป็นอาหารที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้ตอบรับกับภูมิอากาศในภูมิภาคที่ฤดูหนาวกินเวลายาวนาน อาหารเกาหลีจึงเป็นอาหารที่มีเทคนิคการถนอมอาหารพิเศษที่พัฒนาขึ้นเพื่อเก็บรักษาวิตามินในสูตรอาหารประเภทผัก “กิมจิ” เป็นตัวอย่างอันเป็นสัญลักษณ์ของอาหารหมักดอง ความจริงที่ว่ากิมจิจะมีรสชาติเค็มขึ้น ถ้าใครนำมันจากทางเหนือที่หนาวเย็นมาสู่ทางใต้ที่อบอุ่นกว่า

เกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม และชาวเกาหลีเพาะปลูกข้าวเป็นอาหารหลักมาตั้งแต่โบราณกาล มาในสมัยนี้ อาหารเกาหลีจะเป็นสำหรับ ซึ่งประกอบด้วย เนื้อสัตว์นานาชนิด ปลา พร้อมด้วยพืชสีเขียวและผักต่าง ๆ อาหารหมักดองต่าง ๆ เช่นกิมจิ จอทกอล Jeotgal คืออาหารทะเลหมักเกลือ และดนจัง (Deonjang) หรือถั่วเหลืองหมักเหลว ซึ่งขึ้นชื่อในรสชาติโดยเฉพาะ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

พูดถึงอาหารเกาหลี คนทั่วไปจะนึกถึงรสชาติเผ็ดร้อนของพริก และกลิ่นกระเทียม แต่ที่จริงอาหารเกาหลี มีหลากหลายรสชาติ แต่ละมื้อจะมีอาหารตั้งแต่ 3 ชนิด ไปจนถึง 12 ชนิด สำหรับราชวงศ์ หรือเศรษฐี ประกอบด้วย ข้าวหรือโจ๊กหุงพร้อมกับถั่วต่าง ๆ ฟักทอง โสม เห็ด ธัญพืชอื่น ๆ อาจเติมเนื้อสัตว์อย่าง ไก่ หรือหอย จานถัดมา จะเป็นซุป สตูว์ ผัก และเนื้อสัตว์ ซึ่งปรุงด้วยวิธีการต่าง ๆ

อาหารเกาหลีจะมีลักษณะเป็น หยิน-หยาง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญ หลักคิดแบบ หยิน หยาง ตามการแพทย์แผนจีนนั้น ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้จะประกอบไปด้วยสองด้าน ซึ่งด้านทั้งสองจะอยู่ตรงข้ามกัน แต่ต่างฝ่ายต่างต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่อช่วยรักษาสมดุลให้กับร่างกาย เช่น ชาวเกาหลีนิยมรับประทาน ซัมเกทัง หรือซุปไก่โสม เพื่อเรียกกำลังในช่วงฤดูร้อน หรือหากอากาศหนาวเย็น ร่างกายต้องการอาหารเพื่อทำให้อบอุ่น ต้องกินหม้อร้อนชาบูที่ประกอบด้วยผัก หรือเต้าหู้ ซึ่งนิยมทานช่วงหน้าหนาว เป็นต้น

บินยังไง?ถ้าไปเกาหลี 

เรื่องตั๋วเครื่องบิน ณ ขณะนี้มีสายการบินบินตรงกว่า 9 สายการบินที่มีให้บริการเที่ยวบินจากประเทศไทยสู่ประเทศเกาหลี

อีกทั้งยังมีอีกหลายสายการบินที่บินแบบแวะเปลี่ยนเครื่องตามสนามบินต่างๆ ท่านสามารถขอคำแนะนำและข้อเสนอดีๆ จากบริษัทตั๋วที่ท่านใช้อยู่ เพราะ ถ้าไปหลายหลายคน ท่านอาจจะได้ราคาพิเศษ (ถูกกว่าจองเอง) หรือ เข้าไปดูราคาตั๋วตามเว็บไซด์ของสายการบินต่างๆ หรือดูราคาประมาณการจากหน้าเว็บของ www.journeykorea.com ท่านเลือกจองช่องทางที่ท่านได้ตามความสะดวก สำหรับท่านที่มีพาสปรอตไทย ใช้หนังสือเดินทางที่มีอายุที่ใช้งานได้มากกว่า 6 เดือน  สามารถเข้าเกาหลีในรูปแบบนักท่องเที่ยวได้ไม่เกิน 90 วัน (การทำหนังสือเดินทาง เช็คที่  www.consular.go.th) หากท่านไปเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนต่างชาติ (เรื่องวีซ่า เช็คที่ www.tha.mofa.go.kr เพราะ ท่านควรทำวีซ่าเข้าเกาหลีก่อนซื้อตั๋วเครื่องบิน)

หากท่านต้องซื้อบัตรโดยสารภายในประเทศเพื่อไปและกลับกรุงเทพฯ  กรุณาเลือกซื้อบัตรโดยสารภายในประเทศประเภทที่สามารถเลื่อนวันและเวลาในการเดินทางได้      ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาเที่ยวบินล่าช้าหรือการเปลี่ยนแปลงเวลาของเที่ยวบินหรือการเปลี่ยนแปลงวันเดินทาง

สนามบินนานาชาติในเกาหลี

การจองซื้อตั๋วเครื่องบิน (ขอขอบคุณ แหล่งข้อมูลจาก www.plan-travel.com/ticket.html)

1. ติดต่อผ่านสำนักงานของสายการบินที่ท่านต้องการโดยตรง
วิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ใกล้ สำนักงานสายการบิน แต่มีข้อเสียคือ ท่านจะซื้อตั๋วในราคาเต็มตามหน้าตั๋วเท่านั้น
2. สั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ ของสายการบินที่ท่านต้องการเดินทาง วิธีนี้ท่านไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สำนักงานสายการบินเมื่อต้องการซื้อตั๋ว แต่ท่านต้องไปรับตั๋วด้วยตนเอง และจะซื้อตั๋วได้ในราคาเต็มตามหน้าตั๋ว เช่นกัน
3. สั่งซื้อผ่านบริษัท ตัวแทนทั้งหลาย มีทั้งเล็กใหญ่ ให้เลือกมากมาย พร้อมการบริการส่งตัวตั่วและรับชำระเงิน ซึ่งราคาก็จะถูกกว่า พร้อมพนักงานที่จะอำนวยความสะดวกให้ ถ้าถามว่าเป็นไปได้อย่างไร จะขายถูกกว่ามีบริการมากกว่า ตัวบริษัท แอร์ไลน์ เหตุผลง่ายที่สุดและเข้าใจง่ายคือ แอร์ไลน์ หรือ สายการบิน (Airlines) นั้นๆ ต้องการให้เป็นแบบนี้ ส่วนราคาใครจะถูกกว่ากัน ก็จะไปอยู่ที่ข้อตกลงกับทางสายการบิน รูปแบบบริการที่นำมาเสนอให้กับลูกค้า
(update เดี๋ยวนี้จองผ่านหน้าเว็บ Airline อาจได้ราคาถูก แต่คุณ ต้องมีความเชี่ยวชาญในการ จองตั๋วเครื่องบิน รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เวลามีปัญหา จะได้รู้ว่าไปจัดการกับอะไรที่ไหน!)
4. สั่งซื้อผ่านบริษัท ตัวแทนจำหน่ายทั้งหลายที่ได้นำ ระบบออนไลน์มาให้บริการ อีกทั้งระบบของสายการบินได้นำ้ตั๋ว E- Ticket มาใช้ อย่างเป็นทางการ แล้ว E-Ticket คืออะไรต่างจากอดีตอย่างไร ไปดูกัน
การจองและซื้อตั๋วเครื่องบินต้องทำอย่างไรบ้าง
เราต้องรู้อะไรบ้างก่อนจะไปซื้อตั๋วเครื่องบิน กรณีที่ต้องติดต่อบริษัทตัวแทนขายตั๋วเครื่องบิน หรือ Travel Agent เพื่อจองตั๋วเครื่องบิน เราควรจะต้องให้ข้อมูลอะไรบ้างกับบริษัทตัวแทนทั้งหลายที่เราติดต่อด้วย
1. จุดหมายปลายทาง บอกสถานที่ต้องการจะไป ประเทศ และเมืองอย่างละเอียด ชัดเจน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ เพราะบางเมืองชื่อซ้ำกัน แต่อยู่กันคนละประเทศ
2. รายละเอียดวันเวลาที่เราจะเดินทาง ไปเมื่อไร จะกลับเมื่อไร สายการบินที่ต้องการใช้บริการ (อาจเป็นความชอบส่วนตัวคุณ) จำนวนตั๋วกี่ที่นั่ง ต้องการเดินทางชั้นไหน เช่น ชั้นธรรมดา ชั้นธุรกิจ หรือชั้นหนึ่ง
สามารถยืดหยุ่นวันและเวลาเดินทางได้หรือไม่ เช่น ต้องการเดินทาง ระหว่างวันที่… เพราะบางครั้งการปรับเลื่อนเวลา หรือ วันเดินทางเร็วขึ้น หรือช้า ลงเพียงเล็กน้อยมีผลมากต่อราคาตั๋วเครื่องบิน (เกิดไปตรงกับ ช่วงโปรโมชั่น ก็จะได้ราคาถูกกว่าปกติ เป็นต้น)
3. ชื่อ นามสกุลของผู้เดินทางทั้งหมด สะกดถูกต้องตรงตามหนังสือเดินทาง (สะกดผิด เดี๋ยวจะไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน)
4. เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้สะดวก, อีเมล์ หรือ เบอร์แฟกซ์ เพื่อให้ทางบริษัทตัวแทนฯสามารถส่งข้อมูลการทำจองตั๋วเครื่องบิน และตั๋ว E-Ticket ให้เราได้ และถ้าเที่ยวบินยกเลิก หรือ ล่าช้าทางบริษัทฯ หรือสายการบินจะได้แจ้งให้เราทราบได้
5. ข้อมูลรายละเอียดอื่นๆเกี่ยวกับตัวเราหรือผู้เดินทาง (ไม่ใช่ข้อมูลลับส่วนตัวนะ)
• อาหารการกิน ปากท้องเรื่องสำคัญ โดยปกติแต่ละสายการบินจะมีรายการอาหารให้เลือกได้ 1 รายการ จาก 2 หรือ 3 รายการที่มีให้เลือก แต่ถ้าต้องรับประทานอาหารที่ต้องควบคุมเป็นพิเศษ เช่น อาหารเจ อาหารมังสวิรัติ หรืออื่นๆ ต้องแจ้งให้บริษัทตัวแทนฯ ทราบ มิฉะนั้นท่านจะได้กินตามที่สายการบินมีให้บริการเท่านั้น
• ที่นั่งบนเครื่อง ชอบที่นั่งตรงไหน ริมหน้าต่าง ริมทางเดิน หรือมีเลขที่นั่งในดวงใจก็บอกไปได้เลย แต่จะได้หรือ ไม่ได้ตามที่ขอว่ากันอีกที
• หมายเลขสมาชิกสะสมไมล์การเดินทาง เพื่อสะสมไมล์การเดินทางแต่ละครั้ง (ถ้ามี) หากลืมบอกกับบริษัทตัวแทนฯ สามารถแจ้ง กับเจ้าหน้าที่เช็คอินได้ ( ควรเก็บบัตรขึ้นเครื่องหรือ Boarding Pass ไว้ทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานเปรียบเทียบกับใบแจ้งไมล์สะสม ว่าครบถ้วน ถูกต้องหรือไม่ )
6. เมื่อทางบริษัทฯ ตัวแทนขายตั๋วเครื่องบินส่งข้อมูลการทำจองมาให้แล้ว ให้เราทำการตรวจเช็ครายละเอียดต่าง ๆ ชื่อ-นามสกุล,วัน เวลา สถานที่ ที่เดินทาง,สายการบิน,ราคา ว่าถูกต้องหรือไม่ ถ้าตรงไหนไม่ถูกต้องให้รีบแจ้งกลับไปเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง (อย่าช้า)
7. หลังจากตรวจเช็ครายละเอียดทุกอย่างถูกต้องแล้ว ก็ทำการจ่ายเงินกันตามรูปแบบที่ได้ตกลงกันกับทางบริษัทฯ เพื่อทางบริษัทฯจะได้ทำการออกตั๋วให้ ซึ่งลักษณะของตั๋วที่ได้อาจจะเป็น E-Ticket หรือ Paper Ticket (ตั๋วที่เป็นเล่ม)
8. รับตั๋วกันตามรูปแบบที่ตกลงกันกับทางบริษัทตัวแทนฯ
9. ได้รับตั๋วเครื่องบินจากทางบริษัทฯให้ทำการตรวจเช็คตั๋วอีกครั้ง ชื่อ-นามสกุล และรายละเอียดการเดินทาง เป็นอะไรที่สำคัญ ต้องเช็คอย่างละเอียดรอบคอบ ในกรณีที่ตั๋วเป็น E-Ticket ให้ตรวจเช็ครายละเอียดตั๋วเครื่องบิน ที่ทางบริษัทฯส่งมาให้ว่า มีเลขที่ตั๋วของทางสายการบิน 13 หลักหรือไม่ ถ้ายังไม่มีเลขที่ตั๋ว แสดงว่าตั๋วยังไม่ได้ทำการออก เราไม่สามารถเดินทางได้ (บางครั้งการดำเนินงานของบริษัทฯอาจมีการล่าช้า เนื่องจากมีผู้ใช้บริการมาก)

E-Ticket ดีอย่างไร ?
• สะดวกในการซื้อขายระหว่างบริษัทตัวแทนฯ Travel Agent และผู้โดยสาร สามารถเลือกวิธีการรับตั๋ว E-Ticket ได้หลายวิธี เช่น อีเมล์, sms, แฟกซ์
• หมดปัญหาเรื่องตั๋วหาย หรือลืมตั๋ว
• สามารถเดินทางโดยไม่ต้องถือตั๋วเครื่องบิน ก็เพราะมันเป็นตั๋วอัจฉริยะ เมื่อออกตั๋วแล้ว ข้อมูลจะถูกส่งไปที่สายการบินทันที เมื่อไปเช็คอินตั๋ว ของเราก็จะปรากฏที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของสายการบินอัตโนมัติ
• ราคาถูกกว่าตั๋วเครื่องบินที่ออกเป็นตั๋วกระดาษ
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า E-Ticket ที่ซื้อมาจากบริษัทตัวแทนฯทั้งหลายนั้นเป็น E-Ticket ของจริงหรือไม่ จะได้บินชัวร์ ก็เสียเงินไปเป็นหมื่น เป็นแสน แล้วได้มาแค่กระดาษหนึ่งใบ เป็นคำถามที่ดี เราสามารถเช็คได้ไม่ยาก

E-Ticket คืออะไร? หมายถึงอะไร?
E-ticket หรือชื่อเต็มๆว่า electronic ticket น่าจะเรียกเป็นภาษาไทยได้ว่า ตั๋วอัจฉริยะ ที่เชื่อมต่อข้อมูลกันเป็นเครือข่าย เป็นตั๋วเครื่องบิน แห่งยุคเทคโนโลยีที่เปลี่ยนจากตั๋วเครื่องบินเล่มเล็กๆ มาเป็น E-Ticket ที่เมื่อสั่งพิมพ์ออกมาจะเป็นเพียงกระดาษหนึ่งใบ การบินไทย เป็นสายการบินแรกในเมืองไทย ที่นำระบบ E-Ticket มาใช้ให้บริการเส้นทาง ภายในประเทศเมื่อประมาณปี พ.ศ.2546 จากนั้นก็ขยายเป็นเส้นทางระหว่างประเทศของสายการบินไทยและ สายการบินอื่นๆ ( ที่ต่างประเทศใช้ E-Ticket ก่อนบ้านเรา ) ปัจจุบันยังคงมีบางสายการบินที่ยังคงใช้ตั๋วเล่มแบบเดิมอยู่ในบางเส้นทาง แต่ก็มีน้อยมาก

ที่ทำการจองตั๋ว E-Ticket จะมีอยู่ 3 รายใหญ่ๆ โดยการจองผ่าน ดังนั้นให้คุณสอบถามกับคนที่คุณออกตั๋วดัวยว่าออกโดยระบบอะไร

  1. จอง ผ่านระบบกาลิเลโอ Galileo 
  2. จอง ผ่านระบบอมาเดอุส Amadeus 
  3. จอง ผ่านระบบอบาคัส Abacus 

ภาษาเกาหลีที่เป็นประโยชน์ (HANKUK MAL)

1. สวัสดี ( เช้า / สาย / บ่าย / เย็น ) = อัน-ยอง-ฮา-เซ-โย
2. ขอบคุณครับ / ค่ะ = คัม-ซา-ฮัม-นิ-ดะ
3. ขอโทษ / ไม่เป็นไร = มี-อัน-ฮัม-นิ-ดะ / เคง-จะ-นา-โย
4. ขอความกรุณาช่วยฉัน = โท-วา-ชู-เซ-โย
5. ใช่ / ไม่ใช่ = เน / อา-นิ-โอ
6. ฉันเข้าใจ / ฉันไม่เข้าใจ = อาล-เค-ซอ-โย / มู-รู-เก-เซ-โย
7. คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม ? = ยอง-ออ-ฮัล-ซูล-อา-เซ-โย
8. นี่คืออะไร ? = อี-กอ-สึน-มู-โอะ-ชิม-นิ-ก้า ?
9. ราคาเท่าไหร่ = อัล-มา-อิน-นิ-ก้า ?
10. ราคาแพง = บิ-ซา-โย (ราคาแพงมาก = นอ-มู-บิ-ซา-โย )
11. ลดราคาได้ไหม ? = ก่า-ก้า-ชู-เซ-โย หรือ ซา-เก-ชู-เซ-โย
12. ขออันนี้ = อี-กอ-ชู-เซ-โย ( 1 ชิ้น , 1 อัน = ฮา-นะ-ชู- เซ-โย )
13. สวย / หล่อ = เย็ป-โพ-โย (มีอิน) / มีนัม
14. ร้อน / หนาว = โท-โว-โย / ซู-วา-โย
15. ห้องน้ำ = ฮัว-จัง-ซิล ฉันเป็นคนไทย = เท-กุก-ซา-รัม-อิม-นิ-ดะ

การนับตัวเลข แบบจีนของสกุลเงินวอน ( COUNTING )
1 = อิล, 2 = อี, 3 = ซาม, 4 = ซา, 5 = โอ, 6 = ยุค, 7 = ซิล, 8 = พลา, 9 = กู, 10 = สิบ, 1,000 = เชิน, 10,000 = มัน

สำหรับใครสนใจเรียนภาษาเกาหลีขั้นพื้นฐานด้วยตนเอง  

เรียนฟรีจ้า คลิ๊กตรงนี้เลย กับ KBS World (ขอบคุณแหล่งที่มา www.korea.net)

จะซื้ออะไรดีที่เกาหลี ?เมื่อไปทัวร์เกาหลี

โสมเกาหลีหรือราชาแห่งมวลสมุนไพร  เพราะเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีการผลิตโสมเกาหลีที่มีคุณภาพเป็นอันดับ 1 ของโลก ตำราทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์หยางของจีน กล่าวไว้ว่า โสมที่มีคุณภาพดีที่สุดอยู่ในเกาหลี โสมเกาหลีจึงมีราคาสูงเป็นพิเศษ เพราะเป็นโสมบำรุงพลังวังชาดั่งยาทิพย์  เพาะปลูกได้ยากมาก ไม่เพียงแต่มันโตช้ามาก แต่พื้นที่ที่เคยใช้เพาะปลูกจะต้องถูกทิ้งไว้นานถึง 15 ปี หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ทุกวันนี้ใครใครที่ได้มาเที่ยวก็จะชื่นชอบหาซื้อเป็นของฝากเพราะราคาที่ถูกว่าเมืองไทยและคุณประโยชน์นานัปการ เช่น ช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก่ระบบย่อยอาหารและปอด ช่วยทำให้จิตใจสงบและเพิ่มพละกำลังโดยส่วนรวม สรรพคุณทางการแพทย์ ช่วยบำรุงหัวใจ ป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด เสริมประสิทธิภาพทางเพศ ลดและป้องกันมะเร็ง  ปัจจุบันจำหน่ายในหลากรูปแบบ ทั้งรากโสมแห้ง รากโสมอบน้ำผึ้ง โสมเม็ดแคปซูล โสมผง เครื่องสำอางโสม เหล้าโสม ขนมโสม เครื่องดื่มโสม เป็นต้น

ใหม่สุด ! ฮ็อกเกตนามู   ต้นไม้ชนิดนี้เจริญเติบโตในป่าลึกบนภูเขาที่ปราศจากมลภาวะและระดับสูงเหนือน้ำทะเล 50-800 เมตร เมล็ดของพันธุ์ฮ๊อตเกตนี้…ชาวเกาหลีรุ่นใหม่นิยมนำมารับประทานเพื่อช่วยดูแลตับให้สะอาดแข็งแรง ป้องกันโรคตับแข็ง ไม่ถูกทำลายจาการดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ บุหรี่ สารตกค้างจากอาหารและยา

อัญมณีที่มีชื่อเสียงของเกาหลีคืออาเมทีสต์หรือเขี้ยวหนุมาน (Amethyst) เนื่องจากมีสีม่วงเข้มสวย และมีค่าความแข็งมากถึง 7.2 น้อยกว่าเพชรนิดเดียวเอง คนเกาหลีถือว่าอาเมทีสต์เป็นแร่เสริมความร่ำรวย และ ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เนื่องจากแร่ชนิดนี้เกิดจากหินแกรนิต และสีม่วงที่เกิดขึ้นมา ก็มาจากการดูดสีจากภายนอกเข้าสู่ด้านใน แร่นี้ตอนเริ่มแรกจะมีสีขาวแล้วจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง กว่าจะได้สีม่วงเข้มขนาดนี้ต้องใช้เวลาเป็นพันพันปี ซึ่งมีขายทั้งเม็ดร่วงและในรูปของเครื่องประดับต่างๆ เช่น ต่างหู สร้อยคอ แหวนและอื่น ๆ   คนเกาหลีจะชอบสีม่วงมากๆ เนื่องจากเป็นค่าสีที่เป็นกลางระหว่างหยินหยาง  (สีแดงและน้ำเงินเมื่อผสมกันจะได้สีม่วง)  ยิ่งมีสีเข้มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแพง   ในการเลือกซื้ออะเมทิสต์ จะสังเกตได้ว่า ต่างหูจะมีราคาแพงมาก เมื่อเทียบกับอย่างอื่น ทั้งนี้เป็นเพราะ การคัดอะเมทิสต์ที่มีขนาดและสีเท่ากันสองชิ้นนั้นทำได้ลำบากมาก จึงสูงกว่าจี้หรือชนิดอื่น

เครื่องสำอางหลากยี่ห้อของเกาหลี   ผู้หญิงชาวเกาหลีทั้งสาวทั้งไม่สาวแล้วให้ความสำคัญกับเรื่องผิวค่อนข้างมาก โดยเฉพาะผิวหน้า  เครื่องสำอางค์เกาหลีจะแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ   กลุ่มแรกจะเรียกว่า (Road Shop Brand) ได้แก่ SkinFood, Etude, MISSHA, Banila, Tony Moly, The Face Shop, Baviphat, Beauty Credit, Nature Republic, PV, Holika, Bergamo เป็นต้น  กลุ่มที่สองจะเรียกว่า สินค้าตามห้างและร้านขายเครื่องสำอางค์ได้แก่ Dr. Jart+ Rojukiss DR.MJ Doctor LANE’IGE Mamonde ISAKNOX ENPRANE LacVert InnisFree เป็นต้น เครื่องสำอางค์กลุ่มนี้เด่นเรื่องการบำรุงผิว โดยพื้นฐานไม่ว่าจะแต่งหน้าหรือไม่ก็ตาม สาวๆ ชาวเกาหลีจะต้องใช้เครื่องสำอางค์ชุดพื้นฐาน Skin Care เพื่อบำรุงผิวกันทุกคน กลุ่มที่สามจะเรียกว่า  เป็นเครื่องสำอางค์ผสมสมุนไพร เช่น Sulwhasoo Hera OHUI RAHEL เป็นต้น กลุ่มที่สี่จะเรียกว่า  เป็นเครื่องสำอางค์แบรนด์เนมและเครื่องสำอางค์นำเข้าทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น เอสเต้  ชาเนล ดีออร์ ลังโคม คาเนโบ ชิเซโด คาร์แรง แอนนา ซุย SKII M.A.C. เป็นต้น (เครื่องสำอางเกาหลี จะมีการออกแบรนด์ใหม่บ่อย อย่างกับแฟชั่น ควรถามไกด์จะดีสุด เพื่อจะได้สินค้าถูกใจกลับบ้านกัน)

กิมจิจัดว่าเป็นเครื่องเคียงประจำโต๊ะสำหรับอาหารเกาหลีทุกมื้อก็ว่าได้ คู่กับข้าวสวยร้อนๆ กิมจิเป็นอาหารประเภทหมักดอง ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงชนิดหนึ่ง มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีส่วนของเครื่องปรุงที่ประกอบด้วย ผักต่างๆ ซ๊อสที่มีรสเค็ม พริกแดงและกระเทียมผสมคลุกเคล้ากันอย่างดีจนมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น และประเพณีการปรุง ของแต่ละภาค

สาหร่ายหรือกิมในภาษาเกาหลีสาหร่ายเกาหลีถือว่าเป็นแหล่งแร่ธาตุที่สำคัญสำหรับผู้รักสุขภาพ เนื่องจากว่า ปัจจุบันนี้ น้ำและอากาศที่ทำให้เกิดมลภาวะอากาศเป็นพิษ ประเทศเกาหลีใต้มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาถึงร้อยละเจ็ดสิบ จึงมีน้ำแร่ธรรมชาติอยู่ทั่วไปของประเทศ โดยเฉพาะในเขตทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ น้ำแร่เหล่านี้จะชำระแร่ธาตุต่างๆ ของดิน ลงไปยังทะเล ส่าหร่ายป่าธรรมชาติเหล่านี้จะได้รับสารอาหารและแร่ธาตุต่าง ๆ เมื่อเรารับประทานสาหร่าย เราจะได้รับแร่ธาตุสารอาหารที่จะช่วยให้เลือดของเราเป็นด่างมากขึ้น ซึ่งหมายถึงสุขภาพที่ดี ช่วยต่อต้านความเหนื่อล้าและกดดันในประจำวัน

ไวน์และสุราหรือโซจูเกาหลี  เป็นเหล้ากลั่นชนิดหนึ่งที่นิยม เหล้าแบบโบราณของเกาหลีเช่น ซองจู ไวน์ที่ทำจากข้างรสเข้มข้น อิมขัมจู เหล้าผลมโสมและมักคอลลี่ แต่ละจังหวัดก็มีเหล้าพิเศษของตนเอง

ผ้าและเสื้อผ้า เกาหลีผลิตทั้งผ้าและเสื้อผ้าสำเร็จรูปคุณภาพดีทำจากวัตถุดิบหลายชนิดหลากหลาย หลากสีสัน ให้เป็นที่ถูกใจผู้ใช้ แฟชั่นเสื้อผ้าจะปรับเปลี่ยนไปตามฤดู ย่านดังๆ ก็คือย่านทงแดมุน และ เมียงดง  เสื้อผ้าของเกาหลีมี 2 เกรด คือ Made in KOREA กับ Made in CHINA  ถ้าผลิตที่เกาหลี คุณภาพการตัดเย็บจะดีกว่า และราคาแพงกว่าประมาณ 1-2 เท่าค่ะ  คนเกาหลีซื้อของกันอย่างไร…หากไม่ได้ซื้อตามร้านในห้างดังๆ คนเกาหลีเวลาซื้อเสื้อผ้า ไม่ค่อยลอง  เค้าจะแค่ชี้ตัวที่อยากได้  ถามว่ามีไซส์มั้ย มีกี่สี ราคาเท่าไหร่ ถ้าชอบก็ซื้อเลย เค้าจะไม่หยิบมาลองค่ะ และอีกเรื่องคือเค้าไม่ชอบการต่อราคา  เพราะถือว่าเป็นการดูถูกสินค้าของเค้า หาว่าไม่สมราคาที่ตั้ง

เครื่องหนังไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็คเก็ต กระเป๋า รองเท้า เข็มขัดและอื่นๆ ออกแบบตามแฟชั่นมีขายในราคาถูกเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว

อุปกรณ์กีฬา  รองเท้ากีฬาชั้นนำ ถุงมือเบสบอล ไม้เทนนิสและอุปกรณ์กีฬาอื่นๆ ตามร้านค้าที่มีป้ายเครื่องหมายถูกต้อง

สินค้าของที่ระลึกพื้นเมือง  เช่น หมอนสุขภาพ กรอบรูปตุ๊กตา พู่โชคดี พวงกุญแจ แก้วน้ำ แก้วเหล้า ชุดน้ำชา กลอง ตุ๊กตาเกาหลี  ช้อน ตะเกียบ ชามข้าว กระเป๋าสตางค์ ปากกา  เป็นต้น

ขนม ของกินเล่นเกาหลี  แนะนำว่าควรลองซื้อทานให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม ของขบเคี้ยว ม่าม่า อุด้ง ท๊อฟฟี่  ไอศศรีม เค้กเบเกอร์รี่ ล้วนมีรสชาติ น่าตา และหีบห่อที่น่าสนใจและอร่อย หวานน้อยด้วย

คู่มทอท่องเที่ยวเกาหลี

ฯฯฯ

ที่สุด

รวมที่เที่ยวสุดฮิตของประเทศเกาหลี

seoul ปริมณฑล ตะวันออก กลาง

ตะวันตกเฉียงใต้ ตก เจจู

รู้จักและเข้าใจอาหารในประเทศเกาหลี

แรกเริ่มเดิมทีเกาหลีเป็นประเทศเกษตรกรรม และชาวเกาหลีเพาะปลูกข้าวเป็นอาหารหลักมาตั้งแต่โบราณกาล มาในสมัยนี้อาหารเกาหลีจะเป็นตำหรับซึ่งประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์นานาชนิด ปลา พร้อมด้วยพืชสีเขียวและผักต่างๆ อาหารหมักดองต่างๆ เช่น กิมจิ จอทกอล (jeotgal) (อาหารทะเลหมักเกลือ) และ เทนจัง (deonjang) (ถั่วเหลืองหมักเหลว)

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศเกาหลีได้เข้ามาเผยแพร่วัฒนธรรมทางดนตรี และ ละคร จนเกิดเป้นกระแส K-Pop จนซึมซับเข้ามายังวัฒนธรรมการกินของคนไทย เพราะไปทางไหนก็มีร้านอาหารเกาหลีเป็นตัวเลือกเสมอ

อาหารเกาหลีที่ชาวเกาหลีรับประทานอยู่ทุกวัน ล้วนเกี่ยวข้องกับ 5 สี (แดง เขียว ดำ ขาว เหลือง) ตามหลักธรรมชาติแห่งเต๋าและขงจื้อ ซึ่งแฝงด้วยคุณค่าทางสารอาหาร 5 หมู่เพื่อความสมดุลของร่ายกาย โดยสังเกตุได้ว่าวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของอาหารเกาหลีจะเป็นดังนี้ดังนี้

  • การตั้งโต๊ะอาหารเกาหลีคืออาหารจานต่างๆ ถูกนำมาจัดวางในคราวเดียวกัน
  • ชาวเกาหลีนิยมทานผักสดมาก และที่ขาดไม่ได้คือการทำกิมจิ หรือผักดองในแบบเกาหลี ที่เก็บทานได้ตลอดปี
  • เน้นความเรียบง่าย ในมื้อหนึ่งๆ ของชาวเกาหลีอาจมีเพียงข้าว ซุป และกิมจิ เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้อย่างเอร็ดอร่อย
  • อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อย่างเครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซอสถั่วเหลือง ถั่วหมัก และน้ำมันงา ซึ่งล้วนอุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่เป็นประโยชน์ นอกจากนี้ ชาวเกาหลีมักใช้อาหารเป็นยา เช่น โสม และพืชผักสมุนไพรอื่นๆ เพราะอาหารก็คือยาตามความเชื่อของชาวเกาหลี หากกินอาหารที่ไม่สอดคล้องกับสภาพร่างกายแล้ว เราอาจเจ็บป่วยได้
  • อุปกรณ์ที่ใช้ในการกินอาหารของชาวเกาหลี ได้แก่ชามหม้อดินหรือหรือหม้อทองเหลืองหรือหินใบใหญ่ที่เก็บความร้อนได้ดีใช้ใส่อาหารร้อน ชามโลหะสำหรับอาหารเย็น ช้อนด้ามยาวและตะเกียบโลหะ

และเมื่อโลกเปลี่ยน รสนิยมการรับประทานอาหารของคนชาวเกาหลีได้ถูกผสมผสานกับชาติตะวันตกและชาวญี่ปุ่นในช่วงสงครามยุค 50 ทำให้อาหารเกาหลีอยู่หลายชนิดเลยทีเดียวที่มีส่วนผสมของชีส ไส้กรอก แฮม หรือ ซีอิ้วญี่ปุ่น เป็นต้น แต่รสนิยมการทานอาหารต่างชาติแบบชาวเกาหลีกลับยังคงรสชาติเป็นต้นตำรับไว้ได้

ทางด้านวัฒนธรรมการการทานอาหารของคนเกาหลีก็มีสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร มารยาทสามัญในการทานข้าวนั้น คนเกาหลีมักจะไม่ยกถ้วยข้าวขึ้นมาทานโดยเด็ดขาด หรือจะเป็นการทานอาหารด้วยมือทั้งสองข้างก็เป็นข้อที่ไม่นิยมปฏิบัติด้วยเช่นกัน คนเกาหลีมักทานอาหารด้วยมือขวาข้างเดียว โดยจะทานข้าวและซุปด้วยช้อน และกับข้าวด้วยตะเกียบสลับกันไป ไม่นิยมทานมีเสียงดังซูดซาดหรือพูดระหว่างรับประทานอาหาร เมื่อไปทานอาหารกับผู้ใหญ่ ระหว่างดื่มน้ำหรือเหล้าต้องหันข้างหลบไปดื่มโดยเป็นการแสดงความเคารพชนิดหนึ่ง ทั้งนี้ในบรรยากาศร้านอาหารเกาหลีแบบดั้งเดิม ท่านจะต้องถอดรองเท้าและนั่งกับพื้นที่โต๊ะ พร้อมยกแก้วให้ผู้อื่นรินน้ำให้เราหรือในทางกลับกันอยู่เสมอ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก  ชีวจิต www.health.kapook.com, www.edupac-lemonde.com, www.th.wikipedia.org

เมนูอาหารด้านล่างนี้ จะเป็นเมนูอาหารเกาหลีสำหรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบทัวร์กรุ๊ป ซึ่งมีรสชาติและเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวเอเชีย

เมนูทัคคาลบี้ (Dakkalbi)

อาหารเลื่องชื่อของเมืองชุนชอนหรือ ไก่บาร์บีคิวผัดซอสเกาหลี  นำไก่บาร์บีคิว ตกหรือข้าวเหนียวปั้น มันหวาน ผักต่าง ๆ ลงผัดร่วมกับซอสบาร์บีคิวเกาหลีในกะทะแบน วิธีการทานแบบเมี่ยงคำไทยโดยห่อกับผัดกาดเขียวเกาหลี เมื่อทานไประยะหนึ่ง จะนำข้าวสวยและสาหร่ายแห้งมาผัดรวมกับทัคคาลบี เพื่อให้เกิดอาหารชนิดใหม่คื่อทัคคาลบีโปคึมหรือข้าวผัดทัคคาลบีที่ทั้งหอมและน่าทาน เสริฟพร้อมเครื่องเคียง เช่น โอเด้งปรุงรส กิมจิ และน้ำซุปประจำวัน

เมนูไก่ตุ๋นโสม (Ginseng Chicken Soup)

ไก่ตุ๋นโสมตำรับชาววัง เป็นเมนูอาหารวังตั้งแต่สมัยราชวงศ์โซซอน ปัจจุบันเป็นอาหารเลื่องชื่อของเมืองหลวง เชื่อกันว่าบำรุงและเสริมสุขภาพ โดยเสริฟท่านละ 1 ตัว ในหม้อดินร้อน โดยใช้ไก่ที่มีอายุประมาณ 45 วัน ภายในตัวไก่จะมีข้าวเหนียว รากโสม พุทราแดงและเคล็ดลับในการตุ๋นเพื่อให้รสชาติกลมกล่อม เนื้อไก่นุ่มและย่อย  เสริฟพร้อมเครื่องเคียงที่เรียกว่า กักตุกี เส้นขนมจีน เหล้าโสม พริกไทยดำ และเกลือ

เมนูหมูย่างคาลบี้ (Pork Kalbi)

อาหารพื้นเมืองเกาหลีที่เลื่องชื่อและรู้จักกันดีทั่วโลก มีรสชาติออกหวาน นุ่มและกลมกล่อม นำเนื้อหมูส่วนที่ติดกับกระดูก (เชื่อว่าเป็นส่วนที่เหมาะและอร่อยที่สุด) ย่างเป็นสเต็กบนเตาถ่านแบบดั้งเดิม และตัดเป็นชิ้นพอคำ ห่อทานกับผักกาดเขียวแบบเมี่ยงคำไทย  โดยใส่น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว (เครื่องจิ้มหมัก ที่ช่วยชูรสอย่างดี) และเครื่องเคียงที่ชอบและข้าวสวยร้อนตามความชอบ  มีบริการเครื่องเคียงต่าง ๆ ของร้านอาหาร พร้อมน้ำซุปสาหร่ายเพื่อการล้างพิษ

เมนูชาบู ชาบู (Shabu Shabu)

ชาบูวาไรตี้ อาหารพื้นเมืองของคาบสมุทรเกาหลีตั้งแต่สมัยมองโกเลียบุกคาบสมุทรเกาหลี ลักษณะคล้ายสุกี้หม้อไฟของญี่ปุ่น โดยนำเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่นผักหลากชนิด เห็ดตามฤดู โอเด้ง เบคอนหมูที่จัดเตรียมไว้ มาจัดเรียงให้สวยงามในหม้อ เวลาทาน เติมน้ำซุปชาบูปรุงรสแล้วต้มให้เดือด แล้วจึงนำอุด้งสดลงต้ม สามารถรับประทานเป็นอุด้งร้อน ยังมีข้าวสวน น้ำจิ้มซีอิ๊วเกาหลี (พริกไม่พริก) และเครื่องเคียงคู่โต๊ะประจำฤดู

เมนูข้าวยำหม้อดิน (Dolsot Bibimpab)

เมนูบิบิมพัพหรือข้าวหม้อดินหลากสี อาหารครบคุณค่าโภชนาและเป็นอาหารยอดนิยมที่คนเกาหลีนิยมทานกันมากที่สุด  เนื่องจากมีตำนานและความหมายที่ดีในการได้รับประทาน  ชาวเกาหลีจะนำข้าวสวยใส่ในหม้อดินร้อน นำส่วนผสมต่าง ๆ จัดเรียงบนข้าวสวย เวลาทานให้นำไข่ไก่และซอสบีบิมพัพผสมคลุกเคล้ากับข้าวและส่วนผสมต่าง ๆ ให้เนียนจนเข้ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรสนิยมการทานของแต่ละคน และบริการน้ำซุปซี้ฟู้ดหม้อไฟทะเลเพื่อความคล่องคอ

เมนูจาจังเมียน (Jajangmyeon)

เมนูจาจังเมียน (Jajangmyeon) นำเส้นโซเมียนหรือโซเมนที่ทำจากแป้งสาลีและไข่ มาทำเส้นบะหมี่ร้อน จาจังเมียนนี้เป็นบะหมี่แห้งคลุกด้วยซอสดำหวานทำจากเต้าเจี้ยวดำมีลักษณะข้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติของเกาหลีใต้ ซึ่งได้รับความนิยมในเกาหลีและเกือบทุกร้านอาหารจีนในเกาหลี   และในวัน Black Day ซึ่งเป็นวันที่ 14 เมษายนทุกปี จะเป็นวันที่คนโสดไม่ได้รับขนมใดๆ (ช็อคโกแลตหรือลูกอม) on Valentine ‘s Day (Feb 14) หรือ White Day (14 มีนาคม) เพราะว่าสีดำของซอสนั้นถือเป็น”ตรงข้าม”สีแดงสัญลักษณ์ของความรัก  เสริฟพร้อมอาหารจานร้อนที่เป็นเครื่องเคียงที่ทานคู่กัน

เมนูพับซัง (Pabsang Buffet)

เมนูโดซดพังซังเพื่อสุขภาพ !  โดยส่วนผสมที่นำมาใช้ในการปรุงอาหารทั้งหมด Made in Korea ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ข้าวสารชนิดต่างๆ เครื่องปรุงรสต่างๆ  โดยนำมาประกอบเป็นเมนูอาหารชนิดต่างๆ ในแบบสไตล์เกาหลีพื้นบ้านโบราณ  ให้เราได้ลิ้มลองรสชาติเกาหลีแบบแท้จริง มีเมนูโดซดหรือข้าวหุงหม้อหินโบราณ ข้าวคลุกบิบิมพับแบบสูตรคุณเอง ข้าวต้มโบราณ  เครื่องจิ้มกับผักสดต่างๆ  กับข้าวเกาหลีสไตล์หลากหลาย ทั้งทอดทอด ทั้งผัดผัด ทั้งต้มต้ม  อีกทั้งเครื่องเคียงต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพและโภชนาการยอดนิยมของชาวเกาหลี

เมนูอันดองจิมทัค (Andong Jimdak)

เมนูอันดงจิมทัค หรือ ไก่ต้มแห่งเมืองอันดอง  (เมืองอันดงเป็นหนึ่งของร่องรอยสุดท้ายที่ยังคงเหลืออยู่ของเกาหลี เป็นขุมทรัพย์ที่มีค่าของประเพณีลัทธิขงจื้อ)  อาหารจานนี้ถือเป็นอาหารพิเศษเมนูหนึ่ง…บนโต๊ะอาหารของบ้านเศรษฐีในหมู่บ้านอันดงในสมัยราชวงศ์โซซอน อุดมไปด้วยโปรตีนจากไก่ วิตามิน แร่ธาตุต่างๆ จากสารพัดผัก และวุ้นเส้นจันทร์เกาหลี อาหารมีรสจัดจ้านเผ็ดๆ ร้อนๆ  เค็มๆ หอมๆ จากพริกที่ได้ชื่อว่าเผ็ดที่สุดในเกาหลี Cheong Yang Gochu และ ซอสแม๊กกี้ Ganjang   รสชาติเผ็ดเล็กน้อย เนื่องจากว่าเป็นการหมักซอสสูตรพิเศษของเกาหลี

เมนูหมูบูลโกกิ (Pork Bulgogi)

เมนูบาร์บีคิวหรือบลูโกกิเกาหลีหรือหมูย่างไฟ เป็นอาหารดั้งเดิมของคาบสมุทรเกาหลี ก่อนเมนูคาลบี โดยนำเนื้อหมูสไลด์หมักกับซอสและเครื่องเคียงต่าง ๆ ให้ออกรสหวานนุ่ม  เวลาทาน นำมาย่างขลุกขลิกกับซุปบลูโกกิบนกะทะแบนหรือทรงครึ่งวงกลมพร้อมผักกะหล่ำและเส้นจันทน์ โดยจะมีลักษณะออกเป็นแบบน้ำข้น เสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนและเครื่องเคียงต่าง ๆ ประจำวันคู่โต๊ะ

เมนูบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง B.B.Q.

บุฟเฟ่ต์อร่อยล้ำ !!!  เมนูบาบีคิวปิ้งย่างคาลบีสไตล์เกาหลี  กับหลากหลายสไตล์ของเนื้อหมูและเนื้อวัวไม่ว่าจะเป็นแบบติดมัน แบบสันคอ แบบสามชั้น แบบหมักเผ็ด แบบหมักหวาน  แบบสดไม่มีการหมัก แบบเบอร์เกอร์ เป็นต้น ยังมีเครื่องเคียงที่ต้องทานคู่กัน เช่น น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวซัมจัง ผักกาดหอมซังชู กระเทียม กิมจิรสจัดจ้านกำลังดี  ข้าวสวยร้อน  ให้ท่านตักกินซ้ำๆ ได้ ไม่ต้องเกรงใจ (เพราะอร่อยแบบไม่กลัวความอ้วน) ยังมี เห็ดเข็มทอง น้ำซุป  สลัด ของทอด เครื่องเคียงต่างๆ ตระกูลกิมจิ  ตบท้ายมื้ออิ่มอร่อยนี้ด้วยขนม ผลไม้ หรือ ไอศรีม  นอกจากนี้ ยังมีกับข้าว หรือ เนื้อสัตว์ประเภทอื่นประจำวันไว้บริการอีกด้วย

เมนูหมูหมึกโอซัม (Osam)

เมนูจัดจ้าน! โอซัมหรือหมูปลาหมึกย่างบาร์บีคิวหมักสไตล์สมัยใหม่เกาหลี เป็นเมนูประยุกต์ที่ชาวเกาหลีคิดกัน ซี่งคนต่างประเทศนิยมรับประทานเช่นกันเพราะมีรสชาติออกหวานเผ็ดเล็กน้อย   โดยนำบาร์บีคิวหมูติดมันและปลาหมึกหมักซอสแดงผัดในกระทะ  เมื่อสุกรับประทานพร้อมเครื่องเคียงและข้าวสวย หากต้องการแบบรสชาติเกาหลีแท้ๆ ก็สามารถใส่กิมจิหมักลงต้มด้วย ก็จะได้รสชาติอีกแบบหนึ่ง.

เมนูหม้อไฟทะเล (Haemuntang)

เมนูซีฟู้ดเหมันต์หม้อไฟทะเล นำของทะเล เช่น กุ้งเล็ก หอย ปูม้า ปลาหมึก ปูอัด พร้อมเครื่องต่าง ๆ เช่น ต้นกระเทียม ผักตามฤดู หัวหอม เป็นต้น มาต้มแบบหม้อไฟ มีอุด้งหรือเส้นก๋วยเตี๋ยวต้มทานเป็นอุด้งซี้ฟู้ด หรือทานคู่กับข้าวสวย น้ำจิ้มซีอิ๊วเกาหลี พริกป่นแดง และเครื่องเคียงคู่โต๊ะของชาวเกาหลี

เมนูฮันชิก (Hansik Set Menu)

เมนูอาหารชุดโต๊ะพื้นเมืองยางบางแบบฮันจองชิของชาวเกาหลีโบราณเพื่อความสมดุลของร่างกาย ! มีอาหารจำนวนมากกว่า 12 ถ้วย  ที่จะมาให้ท่านได้ลิ้มลอง ทั้งแบบเรียกน้ำย่อย ทานเล่นเล่น อาหารหลัก ซึ่งประกอบไปด้วย เนื้อสัตว์ ปลา พร้อมด้วยพืชสีเขียวและผักต่างๆ อาหารหมักดองต่างๆ เช่น กิมจิ จอทกอล (jeotgal) (อาหารทะเล หมักเกลือ) และน้ำซุปหม้อไฟ พร้อมข้าวสวยหุงแบบโบราณ  จึงเรียกได้ว่าเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง.

ในประเทศเกาหลีใต้ ยังมีเมนูอีกหลากหลายที่อยากแนะนำให้ท่านได้ลิ้มลอง  หากท่านมีงบประมาณเพื่อจัดมื้อพิเศษต่างๆ ในราคาตั้งแต่ 1,350 บาท/มื้อ/ท่านขี้นไป เช่น เมนูเป็ดอบบาร์บีคิว, เมนูฮันจองชิก, เมนูซีฟู้ดทะเลสดคอร์สสไตล์เกาหลี, เมนูอินเตอร์ซีฟู้ดบุฟเฟ่ต์, ล่องเรือชมแม่น้ำฮัน พร้อมอาหารอินเตอร์บุฟเฟ่ต์,  เมนูหมูดำเจจูบาร์บีคิว

Hero Drawing Show

ชมการแสดง Drawing Show “ Oh My God ! อึ้ง ทึ่ง ว๊าว “ โดยการคิดค้นของปรมาจารย์ด้านศิลปะของประเทศเกาหลีที่นำส่วนผสมผสานระหว่างงานศิลปะ ดนตรี การเต้น แสงสี และความตลกฮาได้อย่างสมบูรณ์แบบและยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยายหากไม่ได้ชมด้วยตนเอง เพราะจากผืนผ้าใบว่างเปล่า เหล่าตัวประหลาดทั้งสี่หรือห้าที่จะมาเที่ยวบนโลกมนุษย์แล้วมีความสามารถที่จะเนรมิตให้เกิดเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่สะกดสายตาผู้ชมในแต่ละฉากแต่ละตอนได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก กับตอนใหม่สุด “ HERO “ ตำนานฮีโร่ในดวงใจของชาวโลก

Fanta Stick Show

ชมการแสดง ตลก มันส์ ฮา ซ่าส์ FANTA STICK SHOW สุดยอดการแสดงที่ผสมผสานศิลปะการแสดงอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นดนตรีเครื่องสาย อาทิ ฟรุต ไวโอลิน ซอ และกายากึม กับศิลปะร่วมสมัย อย่างบีบอย และแจสแดนซ์ โดยแฝงมุกตลก ดึงให้ผู้ชมได้เข้ามีส่วนร่วมในโชว์ได้อย่างน่ารัก สนุกสนานกับมุขต่างๆ ที่สัมผัสได้

Wedding Show

การแสดงละครตลก Wedding Music Show กับ งานแต่งงานอันน่าสะพรึงอย่างที่สุดของ ปี 2013 ท่านได้เพลินและรับความสุขจากดนตรีที่อลังการที่งดงามกับการบรรเลงอันตระการตา บทเพลงอันไพเราะและการเต้นสไตล์ K-Pop ในรูปแบบใหม่ กับเรื่องราวของพ่อตาสุดโหดกับลูกเขยเลือดร้อน (ว่าที่ลูกเขยที่ไม่คู่ควร) ที่จะเปิดฉากความสนุกสนากและฮาสุดๆ กับ บทสรุปของการสังสรรค์งานแต่งงานที่คาดไม่ถึง

Nanta Show

เปิดหัวใจทุกดวง กับ การตามไปชม Nanta นันทาหรือแปลว่า “ ครัวกระจุย เคาะ ตี หั่น สับ “ การแสดง กึ่งละคร กึ่งดนตรี ประเภทเครื่องเคาะ ที่ดัดแปลงเอาการแสดงดนตรีพื้นเมืองประเภทเครื่องเคาะของเกาหลี มาสร้างจังหวะจะโคน ผสมผสานกับ การแสดงในรูปแบบตะวันตก จังหวะอันสนุกสนาน น่าทึ่ง และให้อารมณ์ขบขัน แก่ผู้ชม

Drum Cat Show

โชว์ ! Drum Cat เป็นการโชว์ตีกลองของสาวสวยเซ็กซี่จากเกาหลี ที่มาวาดลวดลายการตีกลองที่ได้รับการฝึกฝนเรื่องทักษะการตีกลองมาเป็นอย่างดี และมีลีลาที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยการผสมผสานศิลปะการแสดงในแบบดั้งเดิมของเกาหลี กับท่วงทำนองที่เร้าใจและดุดัน ถือเป็นโชว์ที่มีเสน่ห์ที่ใครๆ เห็นแล้วต้องดูจนจบโชว์ ที่สำคัญพวกเธอยังได้รับการการันตีด้วยรางวัลชนะเลิศในปี 2008 จากประเทศอังกฤษ และรางวัลชนะเลิศในงานโคเรีย เอ็นเตอร์เทนเมนท์ อวอร์ด ปี 2009 ของประเทศ

Miso Show

การแสดงโชว์ศิลปวัฒนธรรมเกาหลีที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดของประเทศโดยกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเกาหลี ตลอดการแสดง 70 นาที เราจะได้รับความเพลิดเพลินจากคณะนักเต้นศิลปชาวเกาหลีพื้นเมืองให้ความบันเทิงและความรู้แก่ผู้เข้าชม ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าการเต้น การรำ ดนตรีโบราณ ซามูโนริ การร้องในรูปแบบประยุกต์ เป็นต้น และหลังการแสดง เรายังได้มีโอกาสสัมผัสกับนักแสดงด้วย

Jump Show

การแสดงชุดยอดฮิตล่าสุดของกรุงโซลและประเทศเกาหลี ที่ผู้คนให้คะแนนหลังการชมว่า “ ดีเยี่ยมเกิน 100 เหนือคำบรรยาย “ นามว่า “ Jump “ โดยสามารถรวมศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงผสมผสามความตลก สนุกสนาน เข้ากับจังหวัดดนตรีพื้นบ้านและพื้นเมืองได้อย่างลงตัว โดยผูกเรื่องราวผ่านตัวแสดงในครอบครัวพิศดารชาวเกาหลีโบราณ ที่มีคุณปู่เป็นหัวหน้าครอบครัวและเป็นอาจารย์ให้กับหลานหลาน คู่แต่งงานของลูกสาว แขกพิเศษที่พกความสามารถที่ไม่ธรรมดา รวมทั้งสองหัวขโมยติ๊งต้อง โดยนักแสดงในเรื่องทั้งหมดจะมีความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนกันและไม่ธรรมดา (ชมเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ห้ามลอกเลียนแบบ เพราะเป็นความสามารถเฉพาะตัวของนักแสดงทุกคนที่ได้ผ่านการฝึกฝนเทคนิคมาอย่างเชี่ยวชาญ ไม่มีการใช้ตัวแทนใด ๆ ทั้งสิ้น) การแสดง 90 นาที

Pang Show

ที่นี่ที่เดียว พิเศษ ! โรแมนติกล่องเรือแม่น้ำฮัน กับ เรือสำราญ “ Pang Show “ ผ่านชมวิวทิวทัศน์สีสันยามค่ำคืน อีกทั้งตื่นตาตื่นใจกับน้ำพุสายรุ้งที่สะพานบันโพ สะพาน 2 ชั้น ที่ยิงสายน้ำพุที่ยาวที่สุด โดยฉีดน้ำได้ 190 ตันภายในเวลาเพียง 1 นาที พร้อมกับการไฟ LED ที่ถูกยิงออกมาเป็นแสงสีต่างๆ มากถึง 200 เฉดสี ที่จะยิงลูกเล่นออกมาต่างๆกัน ตลอดทางกว่า 570 เมตรของตัวสะพานแห่งนี้ เป็นบรรยากาศที่สุดแสนโรแมนติก (ทางการกรุงโซล อาจงดการแสดงโชว์น้ำพุในกรณีที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย) พร้อมชม Pang Show กับโชว์ลีลาการทำขนมปังสุดน่ารัก..สุดกวนใจ กับ เจ้าชายขนมปังและลูกทีมสุดบ๊องเส้นตื้น

Sachoom Show

หากคุณรัก K-Pop K-Dance ร่วมเปิดหัวใจทุกดวง กับ การตามไปชมการแสดง Sachoom การแสดงดนตรีในรูปแบบที่คนดูทุกคนจะตื่นเต้นและตื่นตาไปกับผู้แสดงที่รับหน้าที่ในบทบาทต่างๆ กับเรื่องราวของชาววัยรุ่นเกาหลีในยุคปัจจุบัน ตั้งแต่เด็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ทั้งร้อง เต้น แสดง กับดนตรีที่สนุกสนานเร้าใจ ได้อย่างน่ารักมากมาก จนเรารู้สึกได้ว่า “ ดนตรีและการเต้นคือสื่อภาษา “

Bibap Show

หากคุณเคยหลงรัก Nanta เราขอเสิร์ฟเมนูอร่อยกับละครเพลงเกี่ยวกับการประลองฝีมือการแข่งทำเมนูดังที่เราคุ้นเคย และมาจบด้วยอาหารสุดพิเศษก็คือ Bibimbab หรือ ข้าวยำเกาหลีหรือข้าวคลุกเกาหลี เป็น โชว์ที่ผสมผสานระหว่างการแสดงตลกประกอบ การร้องเพลง Accapella & Beatbox และ การเต้น B-Boy & Martial arts เป็นโชว์ใหม่ที่ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมอย่างมากหลังจบการแสดง เนื่องจากนักแสดงทุกคนมีความสามารถโดดเด่นในแต่ละด้านที่จะทำให้ทุกท่านต้องทึ่งไปกับพวกเขา กับ “ BIBAP SHOW “

เส้นทางการเดินโดยเครื่องบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ

เที่ยวบินนานาชาติ Tel. 1577-2600

มีท่าอากาศยานแปดแห่งในเกาหลีคือท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน, คิมโพ, คิมแฮ, ชองจู, แทกู, มูอัน, ยางยาง และเชจูท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนซึ่งเป็นประตูหลักสู่เกาหลีให้บริการเที่ยวบินไปแทบทุกแห่งบนโลก

การเดินทางไปและกลับจากท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน (ICN)

ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนตั้งอยู่ทางตะวันตกของย่านธุรกิจกรุงโซลเป็นระยะทาง 52 กม. และห่างจากฝั่งเมืองท่าอินชอน 15 กม. หากใช้ AREX (รถไฟด่วนพิเศษ) จะเดินทางถึงสถานีกรุงโซลภายใน 43 นาที การใช้รถบัสลีมูซีนท่าอากาศยานก็เป็นการเดินทางอีกรูปแบบหนึ่งที่สะดวกสบายและเหมาะกับงบประมาณทั้งขาไปและกลับท่าอากาศยาน ข้อมูลและบัตรโดยสารมีให้บริการที่เคาน์เตอร์บริการข้อมูลการคมนาคมใกล้ทางออกหมายเลข 3, 5, 10 และ 12 ที่ชั้นผู้โดยสารขาเข้าของอาคารที่พักผู้โดยสาร

รถสายด่วนพิเศษท่าอากาศยาน (AREX) Tel. 032-745-7788

รถลีมูนซีนท่าอากาศยาน   Tel. 02-2664-9898

ท่าอากาศยานในเมือง

สถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานเมืองมีอยู่ที่เวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์กรุงโซล, สถานีกรุงโซลและท่าอากาศยานคิมโพ สถานที่เหล่านี้มีบริการเช็คอินและตรวจสอบหนังสือเดินทางสำหรับสายการบินบางแห่งรวมถึงสายการบินเอเซียน่าและโคเรียนแอร์รถบัสลีมูซีนวิ่งให้บริการระหว่างสถานีขนส่งผู้โดยสารในเมืองและท่าอากาศยาน

  • CALT (ซิตีแอร์พอร์ต, ที่อยู่อาศัย & การเดินทาง) สถานีซัมซอง
  • KARST (สถานีขนส่งและสถานีรถไฟกรุงโซลเชื่อมท่าอากาศยาน KORAIL) สถานีกรุงโซล
  • ท่าอากาศยานคิมโพ สถานีท่าอากาศยานคิมโป

เส้นทางเดินเรือทะเลนานาชาติ

พูซานเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสอง ท่าเรือนานาชาติแห่งนี้คือปากประตูสมุทรสำคัญซึ่งส่วนมากเป็นเส้นทางไปและกลับจากญี่ปุ่น ท่าเรือนานาชาติอีกแห่งก็คืออินชอนซึ่งมีบริการเรือเดินทางไปยังประเทศจีน

เที่ยวบินภายในประเทศ

เกาหลีมีเครือข่ายเที่ยวบินภายในประเทศที่ได้รับการปรับปรุงเป็นอย่างดีเชื่อมเมืองสำคัญ 15 เมืองด้วยกัน (ควางจู, คุนซาน,แทกู, คิมแฮ, คิมโพ, ยอซู, อุลซาน, วนจู, เชจู, ชินจู, ชองจู, โพฮัง, ยางยาง, มูอัน, อินชอน) คุณสามารถสำรองที่นั่งโดยการโทรไปที่สำนักงานท่าอากาศยานตามรายชื่อด่านล่างนี้ เคาน์เตอร์ตัวแทนนำเที่ยว (02-753-9870) ที่บริเวณศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว อสท. เกาหลี ก็มีบริการจองบัตรโดยสารด้วยเช่นกัน

โคเรียนแอร์   (Korean Air)   Tel. 1588-2001

เอเชียน่าแอร์   (Asiana Airlines) Tel. 1588-8000

เจจูแอร์  (Jeju Air) Tel. 1599-1500

จินแอร์  (JIn Air)  Tel. 1600-6200

อีสเตอร์เจ็ท  (Eastar*Jet)   Tel. 1544-0080

แอร์พูซาน (Air Busan)  Tel. 1666-3060

ที‘เวย์แอร์ W(T’Way)  www.twayair.com Tel. 1688-8686

เส้นทางเดินทางโดยรถไฟภายในประเทศเกาหลี

รถไฟ

รถไฟโดยสารที่ดำเนินการโดย KORAIL รวดเร็ว, วางใจได้และเข้าถึงได้ง่ายด้วยมาตรฐานระดับนานาชาติ มี KTX ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงที่แล่นด้วยความเร็ว 300 กม./ชม., รถไฟด่วนพิเศษแซมาอึล และรถไฟด่วนมูกุงฮวา รถไฟจะมีผู้คนมาใช้บริการกันแน่นในช่วงสุด

สัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จึงขอแนะนำให้สำรองที่นั่งและชำระค่าโดยสารล่วงหน้าก่อน สถานีรถไฟหลักบางแห่งมีเคาน์เตอร์จำหน่ายบัตรพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวให้บริการด้วย

  • บัตร KR Pass สำหรับการรถไฟแห่งชาติ

KR Pass คือบัตรโดยสารรถไฟซึ่งคล้ายกับ EURAIL Pass และJR Pass สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ คุณสามารถซื้อบัตรแทนบัตรโดยสารนี้ได้ที่ตัวแทนนำเที่ยวที่ตั้งอยู่ต่างประเทศหรือสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ www.korail.com (ชำระผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น) และนำบัตรแทนไปแลกเป็น KR Pass ได้ที่สถานีรถไฟหรือแผนกบริการข้อมูลที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอนบัตรนี้จะให้คุณเดินทางโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายพร้อมด้วยที่นั่งที่สำรองไว้แล้วบนรถไฟ KORAIL ซึ่งรวมถึงที่นั่งชั้นประหยัดของ KTX และรถไฟแซมาอึลและมูกุงฮวา (ไม่รวมรถไฟใต้ดินและขบวนรถไฟท่องเที่ยว) เป็นระยะชั่วเวลาหนึ่งโดยไม่จำกัดจำนวนหรือระยะทาง

  • วิธีใช้บัตรโดยสารประเภทครั้งเดียว

เครื่องซื้อบัตรอัตโนมัติสามารถพบได้ในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินทุกแห่งเลือกสถานีปลายทางที่คุณต้องการและใส่ค่าโดยสาร โดยมีค่ามัตรจำบัตร 500 วอน คุณสามารับเงินค่ามัดจำคืนเมื่อถึงที่หมายของคุณเครื่องรับเงินมัดจำสามารถพบได้ที่ประตูหมุน

รถไฟใต้ดิน

ในเมืองใหญ่อย่างกรุงโซล, อินชอน, พูซาน, แทกู, แทจอนและควางจูมีรถไฟใต้ดินวิ่งให้บริการผ่านบริเวณจุดท่องเที่ยวสำคัญในกรุงโซลค่าโดยสารเริ่มต้นคือ 1,150 วอนและจะเพิ่มขึ้น 100วอนตามระยะทางทั้งหมดที่เดินทางจริง

ค่าบริการ

  • 10 กม. แรก : 1,150 วอน (1,050 วอน หากมีบัตรโดยสาร)
  • 10-40 กม. : เพิ่ม 100 วอน ทุกๆ 5 กม.
  • เกิน 40 กม. : 100 วอน ทุกๆ 10 กม.

Seoul Metro

5678 Seoul Metropolitan Rapid Transit Corporation

Seoul Metro Line 9

Busan Transportation Corporation

Daegu Metropolitan Subway Corporation

Gwangju Metropolitan Rapid Transit Corporation

Incheon Airport Railroad Express (AREX)

เส้นทางการเดินทางโดยรถภายในประเทศเกาหลี

รถประจำทาง

  • รถโดยสารประจำทางภายในเมือง

ตามปกติค่าโดยสารรถประจำทางจะอยู่ระหว่าง 850 ถึง 1,950 วอน แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่ชนิดของรถประจำ

ทางและการเปลี่ยนรถสามารถทำได้ฟรี เช่นรถไฟฟ้าใต้ดินค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้นตามระยะทางที่ได้เดินทางมาทั้งหมด เป็นระบบขนส่งที่ค่าใช้จ่ายถูกที่สุด ซึ่งจะมีให้บริการอยู่ในตัวเมืองและบริเวณชานเมือง ซึ่งรถโดยสารประจำทางในกรุงโซลนี้ จะแบ่งออกเป็น 4 สี ตามพื้นที่ที่แต่ละสีครอบคลุม

Blue buses (Main Line) จะมีตัวอัษร B อยู่ด้านข้างตัวรถเป็นสัญลักษณ์ วิ่งในตัวเมืองบนถนนหลักสาย trunk เลขสายรถจะมีจำนวณ 3 หลัก

Green buses (Branch Line) จะมีตัวอัษร G อยู่ด้านข้างตัวรถเป็นสัญลักษณ์เลขสายรถจะมีจำนวณ 4 หลัก

Red buses (Wide Area Line) จะมีตัวอัษร R อยู่ด้านข้างตัวรถเป็นสัญลักษณ์เลขสายรถจะมีจำนวณ 4 หลัก และเริ่มต้นด้วยเลข 9

Yellow buses (Circular Line) จะมีตัวอัษร Y อยู่ด้านข้างตัวรถเป็นสัญลักษณ์เลขสายรถจะมีจำนวณ 2 หลัก

  •  รถโดยสารประจำท้องถิ่น (Regional Buses)

รถโดยสารนี้จะเดินทางเชื่อมต่อกับ 2 ภูมิภาคที่มีระยะทางไกลหรือปานกลางมีสถานีปลายทางของรถโดยสารทางไกลอยู่หลายสถานี ในเมืองใหญ่ ผู้โดยสารอาจใช้บริการสถานีที่ใกล้ที่สุด และสามารถซื้อตั๋วได้ที่จุดจำหน่าย หรือทำการจองล่วงหน้า

  • รถประจำทางด่วนพิเศษเส้นทางไกล

รถประจำทางด่วนพิเศษที่สะดวกสบายและเข้าถึงได้ง่ายนี้เชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ทั้งหมดในเกาหลี สถานีขนส่งด่วนพิเศษส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของแต่ละเมืองมีสถานีขนส่งด่วนพิเศษสามแห่งให้บริการอยู่ในกรุงโซล:

สถานีขนส่งด่วนพิเศษกรุงโซล (เซ็นทรัลซิตี้) สถานีขนส่งด่วนพิเศษกรุงโซล

สถานีขนส่งดงโซล Gangbyeon Station

สถานีขนส่งซางบง Sangbong Station แม้ว่าค่าโดยสารจะมีราคาสูงเล็กน้อยแต่รถประจำทางด่วนพิเศษชั้นยอดนี้มีพื้นที่กว้างขวางและสะดวกสบายมาก

รถด่วนสายร่วมเส้นทาง 

บัตร T-Money

บัตรใบนี้สามารถใช้เดินทางโดยรถประจำทาง, รถไฟฟ้าใต้ดิน, รถไฟและแท็กซี่บางคัน และเป็นบัตรที่ใช้ชำระค่าจอดรถ, ค่าทางด่วนและค่าบริการท่องเที่ยวในอาคารทางวัฒนธรรมอาทิ พระราชวังและพิพิธภัณฑ์ บัตรนี้สามารถซื้อและเติมมูลค่าได้ที่ห้องขายบัตรรถไฟใต้ดินหรือที่ร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่ที่มีสัญลักษณ์ T-money

* ถ้าคุณยังมีเงินเหลืออยู่ในบัตร (ต่ำกว่า 5 หมื่นวอน) เมื่อสิ้นสุดการเดินทางของคุณแล้ว คุณสามารถใช้บริการสถานีใดก็ได้ในกรุงโซลเพื่อรับเงินคือตามยอดคงเหลือที่มีอยู่

บัตรผ่าน Seoul City

บัตรใบนี้จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมย่านธุรกิจกรุงโซลโดยไม่จำกัดจำนวนซึ่งรวมถึงรถบัสท่องเที่ยวรอบกรุงโซลและใช้ได้ถึง 20 ครั้งต่อวันโดยรถประจำทางหรือรถไฟใต้ดินในกรุงโซล บัตรนี้สามารถหาซื้อได้ที่ร้านสะดวกซื้อภายในท่าอากาศยานนานาชาติ และศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวสำคัญในกรุงโซล

บัตร 1 วัน: 15,000 วอน

บัตร 2 วัน: 25,000 วอน

บัตร 3 วัน: 35,000 วอน

แท็กซี่

แท็กซี่มีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ค่าบริการเริ่มต้นสำหรับแท็กซี่ธรรมดาคือ 2,400 วอนใน 2 กม. แรกและ 100วอนในทุก ๆ 144 ม. หลังจากนั้น และตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนจนกระทั่ง 04:00 น. จะคิดค่าบริการเพิ่มร้อยละ 20 จากค่าโดยสารสำหรับค่าบริการแท็กซี่เดอลุกซ์เริ่มต้นที่ 4,500 วอน หากคุณมีธุระสำคัญเร่งด่วนก็มี “แท็กซี่ตามสั่ง” ให้บริการโดยจ่ายเพิ่ม 1,000 วอน สำหรับค่าเร่งด่วน.

  • แท็กซี่นานาชาติ 02-1644-2255
  • แท็กซี่บริการรถเข็นสำหรับคนพิการ 1588-4388
รถแท๊กซี่ที่เกาหลีใต้ มี 2 ประเภทหลักๆ
  • Regular Taxi รถแท๊กซี่ประเภทนี้ตัวรถจะสีขาว หรือ สีบรอนด์เงิน ค่ามิเตอร์เริ่มต้นที่ W2,400 หลังจาก 2 กิโลเมตรแรก ค่ามิเตอร์จะเพิ่ม W100 ทุกๆ 144 เมตร และถ้าความเร็วเฉลี่ยในการขับรถต่ำกว่า 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง ค่ามิเตอร์จะเพิ่มขึ้นอีก W100 ทุกๆ 35 วินาที ถ้าเดินทางระหว่าง เที่ยงคืน ถึง ตี4 ค่าแท็กซี่จะแพงขึ้น 20 % จากราคาปกติ
  • Mobeom Taxi หรือ Deluxe Taxi รถแท๊กซี่ประเภทนี้ตัวรถจะสีดำ ราคาจะแพงกว่าแบบ Regular Taxi และรถมีขนาดใหญ่กว่า โดยส่วนมากนักธุรกิจจะนิยมขึ้นรถประเภทนี้ เพราะคนขับจะใส่เครื่องแบบที่สุภาพ และ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า สามารถออกใบเสร็จรับเงินให้ผู้โดยสารทุกครั้งจ่ายค่าโดยสาร  ค่ามิเตอร์เริ่มต้นที่ W4,500 หลังจาก 3 กิโลเมตรแรก ค่ามิเตอร์จะเพิ่ม W200 ทุกๆ 164 เมตร และถ้าความเร็วเฉลี่ยในการขับรถต่ำกว่า 15 กิโลเมตร/ชั่วโมง ค่ามิเตอร์จะเพิ่มขึ้นอีก W200 ทุกๆ 39 วินาที ราคามิเตอร์จะเท่ากันตลอด 24 ชั่วโมง

การเช่ารถ  ข้อกำหนดในการเช่ารถ(อาจแตกต่างกันตามบริษัท)

  • มีประสบการณ์การขับขี่มากกว่า 1 ปี
  • มีใบอนุญาตขับขี่สากล
  • มีอายุเกิน 21 ปีบริบูรณ์
  • มีหนังสือเดินทางสมบูรณ์ตามกฎหมาย
  • ชำระค่าบริการด้วยบัตรเครดิต
สำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางสัญชาติไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยว ประชุม สัมมนา งานนิทรรศการ หรือเยี่ยมครอบครัว (General Visit) ที่ประเทศเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่า และอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ได้ไม่เกิน 90 วัน หากเป็นการไปทำงาน ฝึกงาน เรียน วิจัย แข่งกีฬา หรือกรณีใดๆ ที่ได้รับค่าตอบแทน หรือค่าจ้างจากประเทศเกาหลี จะต้องมายื่นขอวีซ่า โดยยื่นขอล่วงหน้าอย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ก่อนเดินทางไปประเทศเกาหลี

ประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า VISA Waiver Agreement กดเช็คกันเลย

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องขอวีซ่านักท่องเที่ยว ในการตรวจคนเข้าเมืองของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้นั้น อาจมีการเรียกขอดูเอกสารเพิ่มเติม ทางสถานทูตฯเกาหลีแนะนำให้เตรียมเอกสารดังกล่าวเผื่อไว้ให้ครบถ้วน ในกรณีที่มีการเรียกตรวจจะได้มีหลักฐานพร้อมแสดงแก่เจ้าหน้าที่  โดยเอกสารจะต้องเป็นภาษาอังกฤษ เช่น
1.หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
2.หลักฐานการจองที่พัก
3.แผนการท่องเที่ยว
4.หนังสือเชิญจากประเทศเกาหลี
5.หลักฐานการทำงานหรือศึกษาในประเทศไทย
6.หลักฐานแสดงสถานะทางการเงินในประเทศไทย
7.หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-สกุล

รายละเอียดการขอวีซ่า C-39 (วีซ่าท่องเที่ยว)

ขั้นตอนการยื่นขอวีซ่า

  • กรอกแบบฟอร์มขอวีซ่า ติดรูปถ่ายขนาด 1.5 นิ้ว 1 รูป (พื้นหลังสีขาว อายุไม่เกิน 6 เดือน)
    กรุณาโหลดแบบฟอร์มขอวีซ่าและกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนยื่นคำร้องขอวีซ่า
    ※ ในการเดินทางเข้าประเทศเกาหลี และการขอวีซ่าเข้าประเทศเกาหลี หนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน
  • เตรียมเอกสารทั้งหมดที่ต้องใช้และค่าธรรมเนียมขอวีซ่า
    ผู้ขอวีซ่าต้องยื่นเอกสารทั้งหมดภายในวันเดียวกันเท่านั้น  เช็คลิสต์
    1. พาสปอร์ต และสำเนา 1 ชุด
    2. ตราประทับรีเอ็นทรี่ เพอร์มิท ที่รับจากตม.ประเทศไทย และสำเนา 1 ชุด
    3. ใบมอบอำนาจภาษาอังกฤษและสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (ในกรณีมอบอำนาจ)
    4. ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ (ถ้ามี)
    5.สำเนาทะเบียนสมรส ภาษาอังกฤษและได้รับการรับรองจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ (กรณีที่ผู้ยื่นขอวีซ่าถือวีซ่าสมรสหรือติดตามครอบครัวในประเทศไทย)
    6. ใบรับรองการเป็นนักเรียนภาษาอังกฤษ และทรานสคริปต์ภาษาอังกฤษ
    (กรณีที่ผู้ยื่นขอวีซ่าถือวีซ่านักเรียนในประเทศไทย)
    7. หนังสืออนุญาตทำงานในประเทศไทย (เวิร์ค เพอร์มิท) และสำเนา 1 ชุด
    (กรณีที่ผู้ยื่นขอวีซ่าถือวีซ่าทำงานในประเทศไทย)
    8. หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทประเทศไทย  (ภาษาอังกฤษโดยระบุตำแหน่งและเงินเดือน)
    9. หนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัท (กรณีที่ผู้ยื่นขอวีซ่าเป็นเจ้าของกิจการ)
    – ภาษาอังกฤษและได้รับการรับรองจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
    10. หนังสือรับรองบัญชีเงินฝากของผู้ยื่นขอวีซ่าจากธนาคารของไทย (ภาษาอังกฤษและออกโดยธนาคาร) และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากทุกหน้า * อย่างน้อย 6 เดือน *
    * ถ้าหากไม่ใช่ธนาคารของไทย * – แปลเป็นภาษาอังกฤษและได้รับการรับรองจากสถานทูต
    11. หนังสือเชิญ (หากมีผู้เชิญจากประเทศเกาหลี)
    12. สำเนาพาสปอร์ต หรือสำเนาบัตรประชาชนของผู้เชิญ
    13. หนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัทหรือองค์กร กรณีไปเข้าร่วมงานสัมมนา หรือนิทรรศการ
    14. หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน
    15. หลักฐานการจองโรงแรม
    16. กำหนดการการท่องเที่ยวในแต่ละวัน หรือแผนการท่องเที่ยวในแต่ละวัน (ภาษาอังกฤษ)
    17. ค่าธรรมเนียม (หน่วยเงินเป็นบาทเท่านั้น)

สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย
ที่อยู่: 23 ถนน เทียมร่วมมิตร รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310
อีเมลล์: koembth@gmail.com

เวลาในการยื่นเอกสารขอวีซ่า
8.30 – 10.30 น. วันจันทร์ – ศุกร์ (ยกเว้นวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

เวลาในการรับวีซ่า
13.30 – 16.00 น.
– ใช้เวลา 4 วันทำการในการพิจารณาเอกสารขอวีซ่าทั่วไป
– ใช้เวลา 3 วันทำการในการออกวีซ่า สำหรับผู้ที่มีเลขวีซ่ามาแล้ว

สถานทูตฯ ไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารทางโทรศัพท์
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม กรุณาส่งอีเมล์มาที่ koembth@gmail.com เท่านั้น

ขอวีซ่า A-1 (Diplomatic Visa)
ขอวีซ่า C-1 (วีซ่าผู้สื่อข่าว)
ขอวีซ่า C-31 / C-34 (วีซ่าธุรกิจ)
ขอวีซ่า D-2 / D-4 (วีซ่านักเรียน)
ขอวีซ่า C-4 (วีซ่าธุรกิจ – นายแบบ นางแบบ นักแสดง)
ขอวีซ่า C-4 (วีซ่าธุรกิจ –นักยกน้ำหนัก)
ขอวีซ่า C-4 (วีซ่าธุรกิจ – นักฟุตบอล)
ขอวีซ่า F-3-1 (วีซ่าติดตาม – สามีภรรยา หรือบุตรอายุต่ำกว่า20ปี))
สำหรับผู้ที่มีเลขวีซ่ามาแล้ว (Visa Issuance Number)
อ่านเพิ่มเติม และ ขอบคุณข้อมูล : สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย

Travel Highlights This Month + See more
K-Style Hub is relatively unknown, having only recently opened on April 11. This one-stop complex has information to meet all tourists’ needs, from a tourist information center to various experience zones, exhibition halls and even sales of local specialty
products! The hub is divided into four segments, with the Tourist Information Center found on the second floor, Korean Food Exhibition and Experience Halls on the third and forth floors respectively, as well as an Art Market Hall on the fifth floor. Read on
to find out eight different ways to have fun at K-Style Hub!
Read more +
Lose Yourself in the Dream-like World of Everland!
Go on a Hunt for Jeonju’s UNESCO Treasures
Set out on a Healing Tour to Donguibogam Village
What’s New? + See more
Travel Calendar
Yeoncheon DMZ Int’l. Music Festival
to Fill DMZ with Music
Learn Makeup of Hallyu Stars in Seoul!
Seoul Donhwa Traditional Theater’s
Gukak Performance Festival “Pre&Free” Opens
2016 Korea Tourism Photo Contest
Opening
Beaches Open to Swimming from June
1
What’s New?
Hallyu News
Discount Coupons
Special Promotions
Korea in Images

(��)�쒖<而⑤깽�섎럭濡� 2016�� 6�뷀샇 �댁뒪�덊꽣

ดีลพิเศษทุกวัน ! ตอบสนองทุกสไตล์ความต้องการของคุณ
NEW ! เอย่นต์ทัวร์ที่ต้องการงานไฟล์ word อัพเดรดซีรีย์การขายใหม่ทุกวันทางออนไลน์ หรือ ขอรับข่าวสารทางเมล์เป็นประจำ —> สมัครขอรับรหัสส่วนตัว

จากคุณโอ๋ E. smiletokorea@gmail.com

เราเน้นทัวร์คุณภาพ มิตรภาพ ราคายุติธรรม ไม่ชะโงกทัวร์

ลิ้งค์ที่มีประโยชน์สำหรับคนทำทัวร์

สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศน์  กรมการท่องเที่ยว (Department of Tourism)
สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (Thai Travel Agents Association) - TTAA  เพื่อบริษัททัวร์ต่างประเทศ
การท่องเที่ยวเกาหลี (visit Korea) เพื่ออัพเดพข้อมูลทุกเรื่องคนทำทัวร์เกาหลี
สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย คำแนะนำเกี่ยวกับวีซ่า (Visa and Korean Embassy)
หนังสือพิมพ์เกาหลี THE KOREA TIMES,  The Korea Herald, THE CHOSUNILBO, YONGHAP NEWS, Korea JoongAng Daily

24hours activities in Seoul!

<h2 style=”text-align: center;”><span style=”color: #000080;”> </span></h2>

Roaming Raymac 72 ชั่วโมง

กลับมาที่นี่อีกครั้งกับการเดินทางมาสถานที่ใหม่ๆ ในดินแดนกิมจิ
ถ้ำควังเมียง “Gwangmyeong Cave”

Empty section. Edit page to add content here.
Empty section. Edit page to add content here.